ดูหนังใหม่ 2022 ถามคำถามว่าหนังสามารถไปทางนี้ได้ไหม

ดูหนังใหม่ 2022

ดูหนังใหม่ 2022 นับตรงเวลาถึง 8 ปีแล้วที่โลกภาพยนตร์ได้ได้ ดูหนังใหม่ 2022 โอกาสต้อนรับ อโดนิส ครีด นักแสดงที่เป็นราวกับผู้รับพินัยกรรมมาจากแฟรนไชส์หนังนักมวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง ‘Rocky’ ในชื่อสั้นๆว่า ‘CREED’ ภายหลังหนัง 2 ภาคแรกเก็บความตรึงใจจากแฟนคลับของหนังร็อคกี้รวมทั้งเหิมใจผู้ชมสมัยใหม่ด้วยเรื่องราวการปีนเต้าจากนักมวยรองบ่อนสู่แชมป์โลกเดินคู่ร็อคกี้ นักแสดงในตำนาน

Table of Contents

แล้วก็เป็นที่รู้ดีว่า ‘CREEDIII’ ดูหนังใหม่ 2022 มีการเปลี่ยนสองสิ่งใหญ่ๆ

สิ่งแรกเป็นการที่มันจะไม่มีนักแสดงร็อคกี้ของ สิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) อีกต่อไปและก็นี่จะเป็นการขึ้นมาหยั่งเชิงงานควบคุมของ ไมเคิล บี จอร์แดน (Michael B. Jordan) เป็นครั้งแรกพร้อมกันกับการแสดงในหน้าที่ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงในวงกว้าง แล้วก็แน่ๆว่าการเปลี่ยนที่กล่าวมานับว่าเป็นพนันที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยสำหรับอีกทั้งสตูดิโออย่างวอร์เนอร์ดิสคัฟเวอรี (Warner Discovery) และก็ตัวจอร์แดนเอง

ดูหนังใหม่ 2022

ในหนังภาคนี้ อโดนิส หรือ ดอนนี่ (สวมบทบาทโดย ไมเคิล บี จอร์แดน) จำเป็นที่จะต้องกลับไปประจันหน้ากับอดีตกาลอันเลวทรามอีกทีเมื่อ เดเมี่ยน (สวมบทโดย โจนาธาน เมเจอร์ส, Jonathan Majors) กลับมาหาเขาเพื่อหวังจะได้ครอบครองสายรัดเอวแชมป์โดยไม่สนใจแนวทางการที่ถูก ดอนนี่จำเป็นต้องกลับสู่สังเวียนอีกทีเพื่อสะสางหนี้สินโกรธแค้นกับเดเมี่ยนแล้วก็ทวงคืนเกียรติของนักชกมวยระดับมืออาชีพในตัวเขาให้กลับมายิ่งใหญ่อีกรอบ

แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าดูแลหนังเกิดเรื่องแรกแต่ว่าฝีมือของจอร์แดนก็มิได้ขี้ริ้วขี้เหร่ครับ บอกไว้ก่อนว่ามุมมองการเล่าเรื่องด้วยภาพของเขาจัดว่าใช้ได้อย่างยิ่งจริงๆ ทั้งยังการเล่นแสงสว่างกับเงาในฉากย้อนอดีตที่สื่อความหมายถึงเงาสมัยก่อนที่ตามมาหลอกดอนนี่อยู่ หรือการถ่ายทำฉากการแข่งขันชิงชัยกีฬามวยที่จอร์แดนรวมทั้ง เครเมอร์ มอร์เกนเธา (Kramer Morgenthau) เลือกใช้กล้องถ่ายภาพ IMAX ตัวท็อปอีกทั้ง Red V Raptor IMAX และก็ SONY CineAlta Venice IMAX มาถ่ายทอดฉากชกมวยที่มีอีกทั้งภาพขยายเป็นอัตราส่วน 1.90:1 เมื่อดูในระบบ IMAX และก็การถ่ายทำภาพแบบซูเปอร์สโลว์ มองเห็นเหงื่อกระเด็นเป็นเม็ดๆ

ทั้งในฐานะดาราหนังเอง เขาก็ยังสามารถคุมการแสดงของผู้แสดงทุกคนได้อยู่มือ ทั้งยังของตัวจอร์แดน ดูหนังใหม่ 2022 เองที่มีความดราม่าอยู่สูง ตลอดจนผู้แสดงห้อมล้อมอย่าง เทสซา ธอมป์สัน (Tessa Thompson) ในบทเบียงกา เมียผู้เป็นแสงไฟในชีวิตแล้วก็ วูด แฮริส (Wood Harris) ในบทลิตเติลดุ๊ค ผู้ฝึกสอนคู่ใจของ อโดนิส ครีด รวมถึงการแสดงของ โจนาธาน เมเจอร์ส ที่บอกได้เลยว่าถึงแม้บทจะมอบโอกาสมากแค่ไหนแม้กระนั้นทุกเฟรมที่เขาปรากฎตัวมีอีกทั้งความน่าหวาดหวั่น รวมทั้งความอึดอัดใจที่เสริมมิติให้ผู้แสดงมีเสน่ห์น่าติดตาม

ซึ่งส่วนหนี่งในคุณงามความดีของหนังก็อาจจำเป็นต้องชูให้บทหนังประเด็นนี้ที่มี ไรอัน

คูกเลอร์ (Ryan Coogler) ที่ปั้นหนังมาตั้งแต่ตอนแรกมาคุมแนวทางเรื่องอีกทั้งเขียนบทและก็โปรดิวซ์หนังให้ โดยการนำผู้แสดงอโดนิสออกนอกกรอบเดิมที่กำหนดให้เป็นมรดกของร็อคกี้สู่การผลิตตำนานหนังนักมวยที่จะต้องเจอหน้ากับอดีตกาลแล้วก็ถามกับช่องทางที่ได้รับในชีวิต ซึ่งนับว่าเป็นแนวทางใหม่ที่น่าดึงดูดแต่ว่าก็สารภาพว่ามันเต็มไปด้วยการเสี่ยงหลายสิ่งหลายอย่างแล้วก็ผลสรุปบนหน้าจอของมันก็มองเห็นเลยว่ามีหลายชนิดที่ด้อยไปกว่าหนังสองภาคก่อนอย่างชัดเจน

ประการแรก เป็นการที่มันเลือกที่จะทิ้งร็อคกี้แบบเอ่ยถึงเพียงแค่ไม่จำนวนกี่ครั้งในหนัง ก็ประหนี่งว่าจะประกาศว่า ‘CREED III’ เป็นการเริ่มต้นแฟรนไชส์ในฐานะหนังนักมวยเรื่องใหม่ที่ไม่อิงจากการบรรลุผลเดิมแล้ว แม้ว่าจะกล้าหาญชาญชัยแม้กระนั้นจะต้องสารภาพว่าบทร็อคกี้ ในฐานะผู้ฝึกสอนของหนังก่อนหน้านี้มันเป็นสีสันรวมทั้งการระลึกถึงความซาบซึ้งของผู้ชมที่มีต่อตัวร็อคกี้ตอนที่ผู้แสดง ลิตเติลดุ๊คของ วูด แฮริส ยังสะสมบารมีรวมทั้งความรักจากผู้ชมได้ไม่มากพอ เห็นได้ชัดเลยว่าพลังของแฮริสในฐานะผู้ฝึกสอนข้างสนามหรือผู้คุมซ้อมยังทำเป็นไม่น่าติดอกติดใจนัก

ประการถัดมา เป็นการที่บทหนังเองเสมือนมีข้อขัดข้องในตนเองบางจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจของการเน้นไปที่การต่อสู้ของนักแสดง อันเดอร์ด็อก (Underdog) หรือพวกมวยรองบ่อน ในภาคนี้ผู้ที่กับสถานะนี้ที่สุดเห็นจะเป็นเดภรรยาน ผู้แสดงของ โจนาธาน เมเจอร์ส ที่มานะพยายามแต่ว่าเมื่อหนังต้องให้เดภรรยานเป็นคู่แข่งหรือมิจฉาชีพประจำภาค พวกเราเลยได้มองเห็นอโดนิสที่ห่างไกลจากสถานะการเป็นมวยรองบ่อนมากมาย มาต่อสู้กับผู้ที่ข้างหลังชนฝาปรารถนาชัยเพื่อพาตนเองสู่การบรรลุผลทางลัดอย่างเดภรรยานแทน

ถามคำถามว่าหนังสามารถไปทางนี้ได้ไหม

ก็จะต้องตอบล่ะขอรับว่าได้ แม้กระนั้นการจับอโดนิสไปต่อยกับ ดูหนังใหม่ 2022 เดภรรยาน สำหรับผม ผมหาเรื่องผลที่จะเชียร์ได้ยากไปหน่อย อย่างใน ‘CREED’ ภาคแรก พวกเราต้องการเอาใจช่วยดอนนี่ด้วยเหตุว่าต้องการให้เขาก้าวผ่านความไม่ชอบบิดาตนเองไปสู่การผลิตตำนานบทใหม่ ส่วนภาคต่ออย่าง ‘CREED II’ ก็ทำให้พวกเราจะต้องมาลุ้นกับการต่อยกับนักมวยสุดอันตรายที่มีแบ็กกราวด์เป็นความโกรธแค้นกับคู่ต่อยที่เคยทำให้บิดาของเขาถูกตายค้างสังเวียน

แม้กระนั้นสำหรับ ‘CREED III’ มูลเหตุทุกๆอย่างก็มาจากอโดนิสเอง การช่วยเหลือเกื้อกูลด้วยความรู้สึกว่าตัวเองผิดบาปของเขาก่อเหตุอีกทั้งเรื่องธุรกิจส่วนตัวแล้วก็ถัดมาก็ลุกลามไปจนกระทั่งการเช็ดกดูหมิ่นตัดทอนเกียรติที่คาดคั้นให้อโดนิสจำต้องคืนสังเวียนในขณะที่ประกาศเลิกไปตอนแรกเรื่องแล้วและก็ยังมีผลให้เห็นด้วยว่าผู้แสดงอย่าง อโดนิส เองเกือบจะปราศจากความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเลยแม้ว่าจะมีลูกภรรยารวมทั้งตาม

รวมทั้งอีกสารพัดปัญหาที่มากมายจนกระทั่งทำให้หนังความยาวแทบ 2 ชั่วโมงมีเงื่อนที่ทิ้งๆไว้ไม่ได้มีความแตกต่างจากหนังยาว 3 ชั่วโมงขึ้นไปทั้งยังเงื่อนเรื่องลูกไปต่อยกับเพื่อนพ้องในสถานที่เรียนกลุ่มคนหูหนวกที่เสมือนจะเอ่ยถึงการต้านทานความร้ายแรงหรือความทรุดโทรมที่อโดนิสก่อไว้กับนักมวยในสังกัดของตัวเองที่ตัดจบไปแบบซนๆมิได้มีซีนที่เขาเลือกจะไปสะสางจิตใจกับอีกข้างอะไร

แม้ว่าตัวหนังจะยังมีปัญหาในเรื่องความสมเหตุผลของบทหนังหรือการที่มันทิ้งความดีเลิศสำหรับในการเป็นหนังมรดกของร็อคกี้ แต่ว่าแม้ประเมินในด้านหนังดราม่านักมวยที่มีฉากบนสังเวียนเดือดๆแล้วล่ะก็ ‘CREED III’ ยังคงตอบปัญหาอยู่ดีนะครับ โดยยิ่งไปกว่านั้นการดูในระบบ IMAX เป็นเพิ่มอรรถรสให้หนังได้อย่างยอดเยี่ยมเลยนะครับ

ท้ายที่สุด ‘ขุนพันธ์’ หนังแอ็กชันสไตล์ไทยๆของ คุณโขม ก้องเกียรติยศ โขมศรี ก็เวียนบรรจบมาครบตรีภาคจนได้ แม้กระนั้นถึงแม้ว่ารีวิวที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้จะเขียนโดยผู้ที่เห็นจุดบอดของหนังเกิดเรื่องใหญ่ แต่ว่าผมก็ยังขอให้ทุกคนได้ได้โอกาสไปสัมผัส ‘ขุนพันธ์ ๓’ ในโรงหนังสักหนึ่งครั้งครับ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลเรื่องต้องการที่จะให้เกื้อหนุนภาพยนตร์ไทยอะไรหรอกครับผม แม้กระนั้นอยากที่จะให้ทุกคนได้ได้โอกาสชำระเงินซื้อตั๋วหนังเรื่องหนึ่งที่ให้ความบันเทิงแก่ท่านได้อย่างมากจริงๆ

ในหนังภาคนี้พวกเราจะได้มองเห็น ขุนพันธรักษาราชอำนาจวาสนา

ที่ออกมาจากราชการไปดำเนินชีวิตครอบครัวที่นครศรีธรรมราช แม้กระนั้นเมื่อถูกเรียกตัวให้มาช่วย ร้อยตรีทัตเทวดา นายทหารชั้นสูงสำหรับเพื่อการป้องกันนักการเมือง ก็ทำให้ขุนพันธ์กลับมาปะทะการสู้รบเวทมนตร์คาถากับ ๒ เสือที่สมัยอย่างเสือมเหศวรกับเสือดำ แต่ว่ายิ่งการศึกไม่จบสิ้นขุนพันธ์ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าเครื่องรางในตัวกำลังเสื่อมลง เขาจำเป็นต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอดกลับไปพบเมียรวมทั้งลูกที่ใกล้ลืมตามองโลกให้ได้

การมีหนังอย่าง ‘ขุนพันธ์ ๓’ นับว่าเป็นหมุดหมายสำคัญในปี 2023 สำหรับหนังไทยเป็นอย่างมากเลยล่ะนะครับ เพราะเหตุว่าไม่ว่าจะดูมุมไหนพวกเราจะมองเห็นความมุ่งมั่นแล้วก็ความทะยานอยากสำหรับการพาภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งก้าวผ่านคำติฉินนินทาแล้วก็คำปรามาส และก็ถ้าเกิดกล่าวไม่เกินจริงการทิ้งทวนเรื่องราวของขุนพันธ์ในภาคนี้ อาจราวกับการเขียนพินัยกรรมของก้องเกียรติยศ โขมศรี ที่ซึ่งพูดได้ว่าถ้าเกิดชีวิตนี้มิได้ทำหนังอีกแล้ว หนังประเด็นนี้ก็คือคำบัญชาเสียท้ายที่สุดต่อผู้ชมว่าคนทำภาพยนตร์ไทยยังต้องการทำหนังให้ชาวไทยมองอยู่ครับผม

ตั้งแต่การจัดเต็มใส่ฉากแอ็กชัน วินาศสันตะโรแบบไม่กลัวงบประมาณแย่ลงกว่าเดิม การใส่ซาตานจัดเต็มตั้งแต่ไอ้เข้กระทั่งถึงสัมภเวสีรวมทั้งซอมบี้ ไปจนกระทั่งงานซีจีคาถาต่างๆที่แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นเนียบกริ๊บราวกับหนังฮอลลีวูดแต่ว่าก็ยังอุตส่าห์ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในทุกภาคซึ่งก็รวมทั้งงานซีจีในหนังภาคนี้ด้วยครับ รวมทั้งที่สำคัญเป็นบทของคุณโขมทราบดีว่าผู้ชมยุคนี้ปรารถนาอะไร เลยใส่ตั้งแต่เซอร์ไพร์สในโมเดลเดียวกับหนังมาร์เวล ไปจนกระทั่งการสอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์การบ้านการเมืองไทยเอามาใส่ใส้วิจารณ์รัฐบาลปัจจุบันนี้

ซึ่งอันที่จริงแล้วบทของ ‘ขุนพันธ์ ๓’

มีอะไรน่าดึงดูดหลายสิ่งหลายอย่างครับผม ดูหนังใหม่ 2022 โดยยิ่งไปกว่านั้นการดึงเอาเหตุฆ่า 4 สมัยก่อนรัฐมนตรีในปี พุทธศักราช 2492 ที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ภายในช่วงจอมพล เปรียญ พิบูลการทำศึกเป็นนายกฯมาเป็นแบ็คกราวด์ของหนัง แต่ว่าปัญหาที่มีความสำคัญซึ่งมันกลายเป็นหลักข้างหลังที่เลยไปเรื่อยเมื่อหนังจำต้องเอามาซ้อนกับพล็อตการศึกคาถาอาคม ยิ่งตัวแปรที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุทั้งยังขุนพันธ์ เสือมเหศวรแล้วก็เสือดำ จำเป็นต้องมาฟาดฟันกันแถมแต่ละตัวก็มีเรื่องมีราวราวซึ่งสามารถทำหนังได้คนละเรื่องมาโฮะรวมกันจนถึงบรรยากาศการบ้านการเมืองที่หนังมานะปูดูเป็นส่วนเกินไปอย่างโชคร้าย

ดูหนังใหม่ 2022

อีกส่วนที่มีความรู้สึกว่าขุนพันธ์ภาคนี้ทำความดีที่มีในภาคก่อนๆ

ร่วงหายไปเป็นการปูพื้นตัวร้ายในหนังหรือคู่ประมือในหนังให้เป็นผู้ได้รับผลพวงจากรัฐบาล แต่ว่าในขุนพันธ์ ๓ กลับปูพื้นผู้แสดงให้เสือดำมีความแค้นอะไรบางอย่างกับขุนพันธ์ ส่วนเสือมเหศวรนี่ดันไปเอาพล็อต คลาร์ก เคนต์ กับซูเปอร์แมนมาสวมแทนจนถึงทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมองหลุดโลกไปหมด ที่สำคัญเป็นการหาทางลงให้ทั้งคู่เงื่อนก็เข้าขั้นแลนดิงได้ไม่สวยสวยเท่าไรนัก

และก็ที่นับว่าเป็นจุดบอดเยอะที่สุดในบทภาพยนตร์เป็นการที่มันอุตส่าห์ดันให้มีตัวละครใหม่อย่าง ร้อยตรีทัตเทวดา ที่อุตส่าห์จะปั้น เอม ภูเขาไม่ประเสริฐ ถาวรศรี ผู้แสดงดาวรุ่งที่เริ่มสร้างชื่อทั้งยังจากซีรีส์ ‘เด็กใหม่ 2’ รวมทั้งหนัง ‘วันสุดท้ายก่อนบายคุณ’ มารับบทนักแสดงที่พวกเราได้แต่ว่าหวังว่ามันจะไม่จบลงงงงวยๆราวกับ กระบี่แดงปืนคู่ ที่ไม่ค่อยมีแหล่งที่มาในหนังภาคที่แล้ว

ซึ่งก็ไม่เหมือนจริงๆครับผมเพราะว่าเริ่มมานอกจากสถานะนายทหารคนใหม่แล้ว หนังก็ไม่ปูอะไรอีกเลยจนถึงมาเฉลยคำตอบว่าตามที่เป็นจริงแล้ว ร้อยตรีทัตเทวดาเป็นใครกันแน่ ซึ่งเว้นแต่รู้ดีว่า “เป็นผู้ใดกัน” แล้วหนังก็มิได้ให้มิติหรือเหตุรวมทั้งผลสำหรับการทำของนักแสดงนี้อะไรอีกเลย จนถึงในที่สุดมันก็แปลงเป็นนักแสดงที่จบมึนงงๆเสมือนกระบี่แดงปืนคู่ในหนังภาค 2 ไปอย่างโชคร้าย

คลายสงสัยบรรดาขี้ข้า เพราะอะไรเจ้าตูบน้องแมวจะต้องหมอบแล้วดูหมิ่นเหยียดหยามขาหน้าก่อนเข้ามาหาพวกเราแล้วก็ท้ายที่สุดแผนการที่หนังต้องการจะชื่นชมความกล้าหาญของขุนพันธรักษาราชบารมี ก็ดันไปไม่ถึงฝั่งฝันอยู่ดีถึงแม้หนังภาคนี้จะให้พนันของขุนพันธ์มากยิ่งกว่าหนังภาคไหน อีกทั้งเมียที่กำลังตั้งท้องไปจนกระทั่งเครื่องรางเวทมนตร์คาถาในตัวที่เริ่มถดถอยลงจากบาปที่ทำมา แม้กระนั้นจำต้องพูดว่าหนังไม่ให้เวลาขุนพันธ์สำหรับการสานสมาคมสร้างความเห็นอกเห็นใจและก็เอาใจช่วยกับขุนพันธ์เลย ตอนสุดท้ายก็เลยเสมือนหนังชื่นชมเกียรติยศอวยกันด้วยใจความในที่สุดปกติไปซะอย่างงั้น

แม้กระนั้นถ้าหากถอยมามองดูในสายตาผู้ชมที่ต้องการหาอะไรสำราญใจๆมอง ผมยังการันตีครับผมว่านี่จะเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ดึงบรรยากาศความไฮป์แบบหนังอเวนพบร์สมาเอาไว้ภายในภาพยนตร์ไทยได้เลยแม้คุณเป็นแฟนหนังชุดนี้ แล้วก็ที่สำคัญการได้มองเห็นดาราหนังชายหนุ่มๆอยู่ในมาดซูเปอร์ฮีโรเป่าคาถาสู้กันแบบเวอร์ๆก็คงจะทำให้ค่าตั๋วหนังแสนแพงของคุณคุ้มอย่างแน่แท้

จักรวาลภาพยนตร์ของ Marvel Studios หรือ MCU (Marvel Cinematic Universe) ได้เดินทางมาถึงเฟสที่ 5 ในมหากาพย์มัลติเวิร์ส (Multiverse Saga) เป็นที่เป็นระเบียบแล้วล่ะขอรับ ซึ่งอย่างที่เข้าใจกันดีว่า เพียงพอ MCU เข้าเฟส 4 ข้างหลังจบ ‘Avengers: Endgame’ (2019) ภาพรวมก็ออกมามองหงอยเหงาๆภาพรวมของธีมมัลติเวิร์ส ที่กะว่าจะเป็นคุณลักษณะเด่นจุดขายก็สัมผัสได้ในระดับผิวๆมิได้มีเซอร์ไพรส์หรืออีเวนต์ใหญ่ๆแถมหนังรวมทั้งซีรีส์ในเฟส 4 แทบทั้งสิ้นก็ดันเป็นหนัง Standalone ที่เน้นย้ำเปิดตัวฮีโรคนใหม่ (แล้วก็ภาคต่อฮีโรหน้าเก่า) เสียเป็นส่วนมาก จนถึงเกือบจะคิดหาโมเมนต์ตรึงใจ Hype ขั้นร้ายแรงในเฟส 4 ไม่ค่อยออกจริงๆนะ

กระทั่งมาถึงในปีนี้ที่เดินทางไปสู่เฟสที่ 5 เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว

รวมทั้งหนังตัวเปิดจักรวาลในเฟสนี้ก็คือหนังโดดเดี่ยวภาคที่ 3 ของ สก็อต แลง (Scott Lang) หรือแอนท์แมน (Ant-Man) ซูเปอร์ฮีโรพลังมด หนึ่งในสมาชิกฮีโร Avengers ที่ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งในหนังโดดเดี่ยว 2 ภาคแรกของเขาทั้งยัง ‘Ant-Man’ (2015) รวมทั้ง ‘Ant-Man and the Wasp’ (2018) นั้นก็ชอบเป็นหนังที่ยืนพื้นสำหรับการเป็นหนังรอมคอมแนวครอบครัว ผสมหนังโจรกรรมที่มีกลิ่นขบขัน ที่ถึงแม้บางครั้งก็อาจจะมิได้เปรี้ยงปร้างเฉิดฉันได้พอๆกับหนังคนเดียวซูเปอร์ฮีโรเจ้าอื่นๆแม้กระนั้นก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาอีกทั้งในหนังลำพัง รวมทั้งการปรากฏตัวในหนังรวมฮีโรต่างๆก็พิสูจน์ว่าแอนท์-แมนเองก็เป็นซูเปอร์ฮีโรที่หลายๆคนรักรวมทั้งพอใจไม่น้อย

Ant-Man and the Wasp Quantumania แอนท์-แมน แล้วก็เดอะ วอสพ์: ตะลุยมิติควอนตัม Marvel

โดยในภาคนี้ก็ยังคงได้ เพย์ตัน รีด (Peyton Reed) ผู้กำกับจาก 2 ภาคแรกกลับมาควบคุมเหมือนปกติ แม้กระนั้นในฝั่งของนักเขียนบทมีการเปลี่ยนมือ โดยได้ เจฟฟ์ เลิฟเนสส์ (Jeff Loveness) นักเขียนบทแอนิเมชันซีรีส์สายปั่น ‘Rick and Morty’ ที่โดนจองตัวให้เขียนบท ‘Avengers: The Kang Dynasty’ ในเฟส 6 แล้วเป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมทั้งผู้แสดงชุดเดิมกลับมาแบบครบๆรวมถึงดาราใหม่ๆแล้วก็ผู้แสดงเซอร์ไพรส์ที่ยังไม่รู้จักหน้าที่ นอกเหนือจากการที่จะจำเป็นต้องไปดูในหนังกันเอาเอง

เรื่องราวของภาค ‘Quantumania’ นี้จะเล่าของ สก็อต แลง/แอนท์-แมน ดูหนังใหม่ 2022 (Paul Rudd) ภายหลังที่เขาติดในมิติควอนตัม 5 ปี รวมทั้งหนีไปเป็น Avengers กระทั่งเปลี่ยนเป็นคนที่ใครๆก็รู้จัก แต่งหนังสือขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไปไหนคนไหนก็รู้จัก แต่ว่าจุดมุ่งหมายสูงสุดของเขาก็คือ การได้ใช้เวลาอยู่กับบุตรสาว แคสซี แลง (Kathryn Newton)

สาวน้อยหัวเนิร์ดวัย 18 ปีที่ห้าวด่องๆจนถึงติดตะรางมาแล้วหลายหน ในขณะนี้พวกเขาแปลงเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในครอบครัวของ 2 ตายาย ดร.แฮงก์ พิม (Michael Douglas), เจเน็ต แวน ถางน์ (Michelle Pfeiffer) รวมทั้ง โฮป แวน ถางน์/เดอะ วอสพ์ (Evangeline Lilly) ที่เปลี่ยนแปลงบริษัท Pym Tech ให้เปลี่ยนเป็นมูลนิธิการบุญที่นำเอาเทคโนโลยีอนุภาคพิมมาช่วยเหลือผู้คน

Ant-Man and the Wasp Quantumania แอนท์-แมน รวมทั้งเดอะ วอสพ์: ตะลุยมิติควอนตัม Marvelวันหนึ่ง แคสซี ยัยถั่วต้ม ได้ประดิษฐ์เครื่องมือวิทยุซึ่งสามารถใช้เพื่อการติดต่อสื่อสารกับมิติควอนตัม แม้กระนั้นเครื่องมือกำเนิดบกพร่อง ทำให้พวกเขาทั้งปวงหลุดเข้าไปในมิติควอนตัมที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตแปลกๆ

พวกเขาได้เจอกับ แคงผู้ชนะ (Jonathan Majors) ที่บังคับให้ แอนท์-แมน ตามหาอะไรบางอย่าง เพื่อแลกเปลี่ยนกับในเวลาที่จะก่อให้เขาได้อยู่กับบุตรสาว กับการเปิดเผยเรื่องราวของเจเน็ต ที่ยังคงกุมความลับบางสิ่งบางอย่างข้างหลังติดในมิติควอนตัมมานานกว่า 30 ปีเอาไว้

การผลัดไม้ของนักเขียนบทนั้นมีผลต่อเรื่องราวแล้วก็โทนของหนังอย่างชัดเจนๆเลยครับผม ส่วนใดส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเนื่องจากเพื่อสอดคล้องกับธีมความเป็นมัลติเวิร์สด้วยล่ะ โชคดีที่ในหนัง Ant-Man รวมทั้งบรรดาหนัง Avengers ทั้งหลายแหล่ได้ปูเรื่องเสนอแนะ อนุภาคพิม (Pym Particles) รวมทั้งมิติควอนตัม

(Quantum Realm) ให้รู้จักไว้มากพอควรแล้ว

ผลก็คือ เว้นเสียแต่ในภาคนี้จะตำเนินเรื่องไปได้เลยอย่างเร็ว กระชับ ไม่ต้องปูซ้ำให้เสียเวล่ำเวลาแล้ว ตัวหนังก็ราวกับครึ่งหนึ่งๆบังคับให้เปลี่ยนแปลงธีมจากรสหนังรอมคอมครอบครัวผสมโจรกรรมที่เกิดขึ้นใน 2 ภาคแรก เปลี่ยนเป็นหนังแอ็กชันเผชิญภัยที่มีความแฟนตาซีจัดๆกันไปเลย

Ant-Man and the Wasp Quantumania แอนท์-แมน และก็เดอะ วอสพ์: ตะลุยมิติควอนตัม Marvelส่วนตัวนักเขียนเองละลานตากับมิติควอนตัมในเรื่องครับ เพราะว่ามันเกือบจะเป็นการเซตจักรวาลขึ้นมาเลย มิได้เพียงแค่โผล่มาเป็นกิมไม่กมัลติเวิร์สเฉยๆแล้วก็งานซีจีที่นับว่าสอบได้และก็ทำออกมาได้แฟนตาซีสุดกู่ไปเลย ในหนังพวกเราจะได้มองเห็นมิติที่ถูกแบ่งได้เป็นโซนๆได้มองเห็นสิ่งมีชีวิตแล้วก็ถิ่นที่อยู่ที่ประหลาดตา

ที่มีความบ้าแปลกแต่ว่าก็มีความละลานตาน่าดึงดูด นำพาไปสู่การเดินเรื่อง  julianmarment  ของหนังที่มีทิศทางแปลกไปจากเดิม อีกทั้งการเสี่ยงอันตรายกับชนเผ่ารวมทั้งสัตว์แปลกๆการเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจ และก็การรวมพลังกันเพื่อต่อสู้เปลี่ยนแปลงกับอำนาจชั่วช้า ซึ่งพอสมควรไปครู่หนึ่ง ก็จะมีบางฉากในหนังแล้วก็เส้นเรื่องบางจุดที่เชิญชวนให้รำลึกถึงหนังหลายๆเรื่องแบบตะหงิดๆ

เอาที่ใกล้ที่สุดก็อาทิเช่นบรรดาหนัง ‘Avengers’ ผสม ‘Guardians of the Galaxy’ ฉากอื่นๆก็เชิญให้คิดถึงหนังบางเรื่องอย่างอดคิดมิได้จริงๆทั้งยังพืชแล้วก็สัตว์ที่แอบเหมือน ‘Avatar’ ความห้าวกระทั่งกำเนิดข้อบกพร่องระดับมัลติเวิร์สของแคสซีก็เชิญชวนให้ระลึกถึงเรื่องใน ‘Spider-Man : No Way Home’ (2021)

ขณะที่ฉากด้วยกันรบออกศึก ฉากชนเผ่า ฉากสนทนากับสัตว์ในควอนตัม และก็บรรดาน้อนๆที่อีกทั้งน่ารักน่าเอ็นดูรวมทั้งผิดตานี่ก็เชิญให้คิดถึง ‘Star Wars’ ในเอพิไม่มีแฟนด้านหลังๆอย่าง ‘Star Wars: Episode VI – Return of the Jedi’ (1983) แล้วก็ ‘Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker’ (2019) แล้วก็แคง แรงวที่มิติควอนตัม และก็กองทัพในโลกเสมอเหมือนนี่ก็เชิญให้คิดถึง ‘Tron’ อยู่หน่อยๆ

Ant-Man and the Wasp Quantumania แอนท์-แมน และก็เดอะ วอสพ์: ตะลุยมิติควอนตัม Marvel

ขณะที่ตัวหนังก็สามารถผสมมุกฮาๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งมุกแนวไดอะล็อก และก็จังหวะการเล่าเรื่องแบบปั่นๆกาวๆความหนืดหนาดย้วยย้ายบางสิ่งบางอย่าง ก็ยังเชื้อเชิญให้ระลึกถึงการ์ตูน ‘Rick and Morty’ นิดๆซึ่งแน่ๆว่ากลิ่นความฮาเหี้ยนๆในแบบ 2 ภาคแรกก็หายไปเยอะพอควร แล้วก็การไม่มีสมาชิก 3

เหี้ยนของลูอิสตามมาด้วย แต่ว่าก็ยังเพียงพอจะมีมุกบทสำหรับพูดแซมๆแกล้มๆให้ได้ฮา กับมุกจังหวะเมืองนรกไม่ถูกที่ผิดทาง ที่นับว่าเป็นงานถนัดของแอนท์-แมนก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งก็นับว่าทำออกมาได้แบบมองเพลิดเพลินๆรู้เรื่องฮานิดกาวหน่อย ผสมแฟนตาซีละลานตาและก็ความเล่นใหญ่เล่นโตมาแทน

ในด้านนักแสดงนับว่ากระจัดกระจายกันได้อย่างพอดีและก็มีเสน่ห์เยอะขึ้นเรื่อยๆจาก 2 ภาคแรกครับ โดยยิ่งไปกว่านั้นการแบ่งนักแสดงออกเป็น 2 เส้นเรื่อง แต่ว่าสิ่งที่จะต้องกล่าวถึงสูงที่สุดก็อาจจะหนีไม่พ้นคนร้ายอย่าง แคงผู้ชนะ (Kang the Conqueror) ที่เล่นบทโดย โจนาธาน เมเจอร์ส (Jonathan Majors) ที่อุตส่าห์ใบเสร็จรับเงินต์กันเป็นการใหญ่ว่านี่จะเป็นตัวร้ายประจำ Saga ที่ชั่วร้ายมากกว่าธานอส ถ้าหากเอาในด้านการแสดง ก็จำเป็นต้องใช้คำว่า “มาร์เวลโชคดีที่มี โจนาธาน เมเจอร์ส” จริงๆเพราะว่าเขาสามารถถ่ายทอดความเป็นแคงได้มีเสน่ห์ น่าเคารพ มีความเป็นเจ้าพ่อมาดเข้ม กะล่อน แต่ว่าเวลาชั่วร้ายก็ใส่แบบเดือดๆแบบเดียวกัน และก็ฉากต่อสู้นี่ก็พูดได้ว่า พี่แคงมึงเป็นมวย ด้วยเหตุว่าให้ความรู้ความเข้าใจสึกราวกับกำลังดูหนัง ‘Creed’ อยู่เช่นเดียวกันนะ (555)

Ant-Man and the Wasp Quantumania แอนท์-แมน ดูหนังใหม่ 2022 รวมทั้งเดอะ วอสพ์: ตะลุยมิติควอนตัม Marvelแม้กระนั้นจะว่าก็ว่าเถิด สำหรับคนเขียนคิดว่า ความน่าขนลุกของแคงก็นับว่ายังไม่เกินความหวังครับ เป็นถ้าหากคนใดพอเพียงติดตามธีมมัลติเวิร์ส หรือมองซีรีส์ ‘Loki’ (2021) มาแล้ว ก็พอเพียงจะคาดการณ์ได้ว่าแคงนั้นอันตรายในระดับมัลติเวิร์สได้เช่นไร

และนับว่าเป็นตัวร้ายที่มีเหตุมีผลอะไรบางอย่างในแบบอย่างของ Marvel นั่นแหละ แม้กระนั้นคนร้ายอีกตัวที่นักเขียนต้องการกล่าวถึงก็คือ โมด็อก (Corey Stoll) หมายคือ แดเรน ครอส หรือ เยลโลว์แจ็กเก็ต (Yellowjacket) คนร้ายที่โดนบีบอัดไฟล์ .zip ไปแล้วในภาคแรก (5555+) ซึ่งมองเห็นชั่วร้ายๆบ้าๆแบบงั้น แม้กระนั้นลักขโมยซีนเรียกฮาเรียกยิ้มได้หลายขยักอยู่นะ

แน่ๆว่าตัวหนังเองก็ยังมีจุดพินิจอยู่ไม่น้อย โดยยิ่งไปกว่านั้นการเดินเรื่องอย่างเร็วตลอดเรื่อง ในอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้ตัวหนังมีความรวบรัดตัดตอนในบางจุดคล้ายภาคแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อสรุปเรื่องที่แท้ๆทำเป็นออกจะดีเลยจ้าขอรับ แม้กระนั้นมันก็แอบมีจังหวะรีบทำเวลาจบอยู่ดี และก็โน่นก็ก่อให้เกิดผลกระทบให้การย้ำดราม่าหัวข้อครอบครัว (ที่มีตั้ง 2 ครอบครัวเลยจ๊าตอนนี้) ยังขยี้ต่อได้ไม่ลึกนัก

กระทั่งแอบไม่มีเสน่ห์ความเป็นหนังครอบครัวแบบ 2 ภาคแรก

ไปพอเหมาะพอควร รวมถึงการปูเรื่องที่มาที่ไปของแคง รวมทั้งความลับเกี่ยวกับมิติควอนตัมของเจเน็ต ในฐานะที่เป็นคนอยู่ในมิติควอนตัมมานาน 30 ปี ออกจะอ่อนกำลัง น้อยลง และก็ส่งผลต่อเรื่องราวน้อยไปสักนิด และผู้แสดงใหญ่ๆที่ถูกวางไว้เป็นปัญหา แต่ว่าเอาเข้าจริงก็มาไวไปไวมากมาย ใช้ไม่คุ้มกับบารมีศิลปินเสียแบบนั้นล่ะ

Ant-Man and the Wasp Quantumania แอนท์-แมน และก็เดอะ วอสพ์: ตะลุยมิติควอนตัม Marvelโดยรวมๆแล้ว หากดูในฐานะหนังเปิดหัวเฟส ก็จำเป็นต้องนับว่าเป็นแรงส่งไปสู่เฟส 5 ได้อย่างน่าดึงดูดและก็จัดว่าไม่เลวครับผม เป็นหนังที่ให้รสที่ไม่เหมือนกับ 2 ภาคแรกค่อนจะทั้งมวล แน่ๆว่ามันก็ยังมีความหลุดๆบ้าง แม้กระนั้นก็ยังเป็นหนังที่มีจังหวะที่ดี มองง่าย มองความแปลก ดูหนังใหม่ 2022 ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ พาผู้ชมเผชิญภัยมิติควอนตัมได้ละลานตาแล้วก็เต็มที่กว่าทุกๆภาค เป็นหนัง Marvel แกล้มป๊อปคอร์นที่มองได้แบบเพลิดเพลินๆและก็มีงานซีจีในระดับน่าพึงพอใจ ซึ่งสามารถชี้แนะให้มองระบบ IMAX ได้ และบรรดาสัตว์แปลกที่เด็กๆคงจะถูกใจ รวมทั้งที่สำคัญเป็น โจนาธาน เมเจอร์ส ในบทแคงผู้ชนะ ที่จะทวีความเถื่อนเพิ่มขึ้นกว่านี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย เรียกว่าเป็นของดีประจำ Saga ไปแล้วล่ะ อย่างต่ำๆก็เป็นแรงส่งไปสู่เรื่องราวในเฟส 5 ที่คงจะทวีความน่าดึงดูดใจขึ้น ถ้าเกิด Marvel ไม่ปลดปล่อยหงอยเหงาเสมือนเฟส 4 ไปเสียก่อนน่ะครับผม

ปล. มีฉาก End-Credits 2 ตัวครับ รอดูได้เลย ตัวแรกนี่บอกได้เพียงแค่ว่า Avengers งานยากแน่ๆ ส่วนตัวที่ 2 นี่ก็ชี้แนะให้รอดูครับผม มีกรี๊ดแน่ๆ แม้กระนั้นทั้งปวงทั้งหมดทั้งสิ้นที่คนเขียนต้องการจะบอกก็คือ Marvel มีฉาก End-Credits ที่คุ้มแก่การกลั้นฉี่รอดูสักครั้งนะ ก่อนหน้าที่ผ่านมาเฟส 4 นี่มีแม้กระนั้นอะไรก็ไม่รู้จัก…